คำพิพากษาฎีกาที่น่าสนในเรื่อง
ขอเฉลี่ยทรัพย์
ตามมาตรา
290
1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8971/2553
บทบัญญัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 วรรคหนึ่ง
เป็นการห้ามเด็ดขาดไม่ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดหรืออายัดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นยึดหรืออายัดทรัพย์ไว้ก่อนแล้ว
แต่ให้ใช้วิธีขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์นั้นแทน ที่โจทก์อ้างว่าเป็นการขออายัดเฉพาะเงินเดือนส่วนที่ยังไม่ถูกอายัดก็ได้ความว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดเงินเดือนของจำเลยทั้งสองไว้โดยคำนึงถึงพฤติการณ์แห่งการดำรงชีพของลูกหนี้ตามคำพิพากษาตาม
ป.วิ.พ. มาตรา 286 วรรคหนึ่ง (3) และวรรคสอง
กับอายัดเงินโบนัสและเงินตอบแทนกรณีออกจากงานไว้แล้ว
หากจะอายัดเงินเดือนส่วนที่เหลือจากที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นอายัดไว้
จำเลยทั้งสองก็จะเดือดร้อนไม่มีเงินเหลือเพื่อดำรงชีพ
ทั้งโจทก์ก็ไม่แสดงให้ปรากฏว่าเงินที่เหลือจากการถูกอายัดคดีอื่นมีเพียงใด
จึงไม่มีสิทธิขอให้อายัดเงินเดือนของจำเลยทั้งสองเพิ่มเติม
2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8970/2553
ป.วิ.พ. มาตรา 295 บัญญัติว่า “ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการบังคับคดีในกรณีต่อไปนี้ (1)
เจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการบังคับคดีนั้นเอง หรือถอนโดยคำสั่งศาล แล้วแต่กรณี
เมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้วางเงินต่อศาลหรือต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นจำนวนพอชำระหนี้ตามคำพิพากษา
พร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมแห่งคดี หรือค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี
หรือได้หาประกันมาให้จนเป็นที่พอใจของศาล สำหรับจำนวนเงินเช่นว่านั้น...” ดังนั้น เมื่อจำเลยอ้างในคำร้องขอให้ถอนการบังคับคดีว่า
จำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมค่าฤชาธรรมเนียมแห่งคดีและค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีครบถ้วนแล้ว
โดยโจทก์ยื่นคำร้องว่าได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากจำเลยแล้วจริง
ทั้งขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำร้องของจำเลยซึ่งเท่ากับโจทก์ก็ประสงค์ให้ถอนการบังคับคดี
ส่วนเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำร้องของจำเลยแล้ว ไม่ได้คัดค้านว่าจำเลยยังชำระค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีไม่ครบถ้วนต้องฟังว่าจำเลยชำระค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีครบถ้วนแล้วเช่นกัน
กรณีไม่มีเหตุบังคับคดีจำเลยอีกต่อไป
ไม่ใช่เป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้ยึดสละสิทธิในการบังคับคดี
หรือเพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนด
ที่จะเป็นเหตุให้ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 มีสิทธิขอให้บังคับคดีต่อไปได้ตาม ป.วิ.พ.
มาตรา 290 วรรคแปด
3.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7090/2552
การยื่นขอเฉลี่ยทรัพย์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290
ไม่จำต้องขอเฉลี่ยต่อทรัพย์ที่เป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนั้นโดยตรง
สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่มีต่อบุคคลภายนอกถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินของจำเลย
เมื่อโจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่มีต่อบุคคลภายนอกจนต่อมาบุคคลภายนอกถูกบังคับคดี
ป.วิ.พ. มาตรา 312 วรรคหนึ่ง
บัญญัติให้ดำเนินการต่อบุคคลภายนอกเสมือนหนึ่งว่าบุคคลนั้นเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดิน 3
แปลงของบุคคลภายนอกย่อมถือว่าบุคคลภายนอกมีสถานะเช่นเดียวกับจำเลย
ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยในทรัพย์ของบุคคลภายนอกที่ถูกโจทก์นำยึดได้
4.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10693/2551
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา
โดยสั่งอายัดเงินที่จำเลยที่ 1 มีสิทธิจะได้รับจากบริษัท ส. และบริษัท ส.
ได้ส่งเงินตามคำสั่งอายัดต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2548 ต่อมาวันที่ 7
มิถุนายน 2549 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์
โดยในคำพิพากษามิได้กล่าวถึงวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาที่ศาลสั่งไว้ในระหว่างการพิจารณา
คำสั่งอายัดเงินชั่วคราวก่อนพิพากษาจึงยังคงมีผลให้บังคับต่อไปเท่าที่จำเป็น
เพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 260 (2)
เมื่อโจทก์ขอให้ออกหมายบังคับคดีและศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ 29
สิงหาคม 2549
อันเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาเท่าที่จำเป็นเพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาได้
จึงมีผลเท่ากับเจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1
ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ.
มาตรา 290 วรรคหนึ่ง
และได้มีการชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีนับตั้งแต่วันที่ศาลออกหมายบังคับคดีแล้ว
ทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นเจ้าพนักงานศาลหรือเป็นเจ้าพนักงานในสังกัดกรมบังคับคดีดังที่ผู้ร้องอ้างในอุทธรณ์
ผู้ร้องจึงต้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ดังกล่าวเสียก่อนสิ้นระยะเวลา 14 วัน
นับแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2549 ซึ่งเป็นวันที่ศาลออกหมายบังคับคดี
อันถือได้ว่าเป็นวันที่มีการชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ตาม ป.วิ.พ.
มาตรา 290 วรรคห้า หาใช่นับแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2549
ซึ่งเป็นวันที่ศาลชั้นต้นมีหนังสือส่งเงินอันเป็นทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ไปให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดังที่ผู้ร้องเข้าใจไม่
เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2549
ซึ่งล่วงพ้นระยะเวลา 14 วัน นับแต่วันที่ถือว่าบริษัท ส.
ส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ คำร้องของผู้ร้องจึงต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290
วรรคห้า ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์