เงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้น (เงินที่ไม่ต้องเสียภาษี)
ตามประมวลรัษฎากร พ.ศ.2481
มาตรา 42
เงินได้พึงประเมินประเภทต่อไปนี้
ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
(1) ค่าเบี้ยเลี้ยง หรือค่าพาหนะซึ่งลูกจ้าง
หรือผู้รับหน้าที่หรือตำแหน่งงาน
หรือผู้รับทำงานให้ได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติการตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น
(2)
ค่าพาหนะและเบี้ยเลี้ยงเดินทางตามอัตราที่รัฐบาลกำหนดไว้โดยพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยอัตราค่าพาหนะและเบี้ยเลี้ยงเดินทาง
(3)
เงินค่าเดินทางซึ่งนายจ้างจ่ายให้ลูกจ้างเฉพาะส่วนที่ลูกจ้างได้จ่ายทั้งหมดโดยจำเป็นเพื่อการเดินทางจากต่างถิ่นในการเข้ารับงานเป็นครั้งแรก
หรือในการกลับถิ่นเดิมเมื่อการจ้างได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ข้อยกเว้นนี้มิให้รวมถึงเงินค่าเดินทางที่ลูกจ้างได้รับในการกลับถิ่นเดิมและในการเข้ารับงานของนายจ้างเดิมภายในสามร้อยหกสิบห้าวันนับแต่วันที่การจ้างครั้งก่อนได้สิ้นสุดลง
(4)
ในกรณีที่นายจ้างและลูกจ้างได้ทำสัญญากันโดยสุจริตก่อนใช้พระราชบัญญัติภาษีเงินได้
พุทธศักราช 2475 มีข้อกำหนดว่านายจ้างจะชำระเงินบำเหน็จ เงินค่าธรรมเนียม
เงินค่านายหน้า
หรือเงินโบนัสให้แก่ลูกจ้างเป็นจำนวนเดียวเมื่อการงานที่จ้างได้สิ้นสุดลงแล้ว
แม้เงินเต็มจำนวนนั้นจะได้ชำระภายหลังที่ใช้บทบัญญัติในส่วนนี้ก็ดี เงินบำเหน็จ
เงินค่าธรรมเนียม เงินค่านายหน้า
หรือเงินโบนัสส่วนที่เป็นค่าจ้างแรงงานอันได้ทำในเวลาก่อนใช้พระราชบัญญัติภาษีเงินได้
พุทธศักราช 2475 นั้น ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
(5) เงินเพิ่มพิเศษประจำตำแหน่ง
และเงินค่าเช่าบ้าน หรือบ้านที่ให้อยู่โดยไม่ต้องเสียค่าเช่า สำหรับข้าราชการสถานทูตหรือสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ
(6) เงินได้จากการขาย
หรือส่วนลดจากการซื้ออากรแสตมป์ หรือแสตมป์ไปรษณียากรของรัฐบาล
(7) เบี้ยประชุมกรรมาธิการหรือกรรมการหรือค่าสอน
ค่าสอบที่ทางราชการหรือสถานศึกษาของทาง
ราชการจ่ายให้
(8) ดอกเบี้ยดังต่อไปนี้
(ก) ดอกเบี้ยสลากออมสินหรือดอกเบี้ยเงินฝากออมสินของรัฐบาลเฉพาะประเภทฝากเผื่อเรียก
(ข) ดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์ที่ได้รับจากสหกรณ์
(ค)
ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักรที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามประเภทออมทรัพย์เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ได้รับดอกเบี้ยดังกล่าวในจำนวนรวมกันทั้งสิ้นไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทตลอดปีภาษีนั้น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
(9) การขายสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดก
หรือสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไร
แต่ไม่รวมถึงเรือกำปั่น เรือที่มีระวางตั้งแต่หกตันขึ้นไป เรือกลไฟ
หรือเรือยนต์ที่มีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไปหรือแพ
(10)
เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา เงินได้ที่ได้รับจากการรับมรดก
หรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี
(11) รางวัลเพื่อการศึกษาหรือค้นคว้าในวิทยาการ
รางวัลสลากกินแบ่ง หรือสลากออมสินของรัฐบาล
รางวัลที่ทางราชการจ่ายให้ในการประกวดหรือแข่งขันซึ่งผู้รับมิได้มีอาชีพในการประกวดหรือแข่งขัน
หรือสินบนรางวัลที่ทางราชการจ่ายให้เพื่อประโยชน์ในการปราบปรามการกระทำความผิด
(12) บำนาญพิเศษ บำเหน็จพิเศษ บำนาญตกทอด
หรือบำเหน็จตกทอด
(13) ค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิด
เงินที่ได้จากการประกันภัย หรือการฌาปนกิจสงเคราะห์
(14)
เงินส่วนแบ่งของกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลซึ่งต้องเสียภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้
แต่ไม่รวมถึงเงินส่วนแบ่งของกำไรจากกองทุนรวม
(15)
เงินได้ของชาวนาที่ได้จากการขายข้าวอันเกิดจากกสิกรรมที่ตนและหรือครอบครัวได้ทำเอง
(16)
เงินได้ที่ได้รับจากกองมรดกซึ่งต้องเสียภาษีตามความในมาตรา 57 ทวิ
(17) เงินได้ตามที่จะได้กำหนดยกเว้นโดยกฎกระทรวง
(18) รางวัลสลากบำรุงกาชาดไทย
เงินได้จากการขายหรือส่วนลดจากการซื้อสลากบำรุงกาชาดไทย
(19) ดอกเบี้ยที่ได้รับตามมาตรา ๔ ทศ
(20) (ยกเลิก)
(21) (ยกเลิก)
(22) (ยกเลิก)
(23) เงินได้จากการขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวม
(24) เงินได้ของกองทุนรวม
(25)
เงินประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตนได้รับจากกองทุนประกันสังคมตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม