10 คำพิพากษาฎีกาที่น่าสนใจเรื่องเขตอำนาจศาล
มาตรา 4
1. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6631/2555
ป.วิ.พ. มาตรา 4
แม้ขณะทำสัญญาจำเลยจะมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดชัยนาท
และลงลายมือชื่อในสัญญาที่อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาทก็ตาม
แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของโจทก์ว่า
โจทก์ลงลายมือชื่อในสัญญาที่ห้องบันทึกเสียงจาตุรงค์
จึงถือว่ามูลคดีนี้เกิดขึ้นที่ห้องบันทึกเสียงจาตุรงค์อีกแห่งหนึ่ง
ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ.มาตรา 4(1)
การที่โจทก์เสนอคำฟ้องคดีต่อศาลชั้นต้นจึงชอบแล้ว
2. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398 - 399/2555 (ออกสอบผู้ช่วย ฯ 2557)
ป.วิ.พ. มาตรา 4(1)
คดีสำนวนแรกโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินคืนแก่โจทก์ด้วยเหตุลาภมิควรได้
โดยข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา คือ
การที่จำเลยทั้งสองเรียกเอาหลักประกันการปฏิบัติผิดสัญญาจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันโจทก์และธนาคารจ่ายเงินให้จำเลยทั้งสองไปโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้
แล้วธนาคารใช้สิทธิไล่เบี้ยหักเงินจากบัญชีเงินฝากของโจทก์ชำระหนี้ดังกล่าว
ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เช่นนี้ย่อมเห็นได้ว่า
เหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิที่ทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องเกิดขึ้น ณ
ที่ทำการธนาคาร
ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการจ่ายเงินให้จำเลยทั้งสองแล้วหักเงินในบัญชีเงินฝากของโจทก์
เมื่อธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมีสถานที่ตั้งอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้น
โจทก์จึงมีอำนาจเสนอคำฟ้องนี้ต่อศาลชั้นต้นได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 4 (1)
ที่จำเลยทั้งสองอ้างในฎีกาว่า
มูลคดีนี้เกิดที่จังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งเป็นสถานที่ที่ทำสัญญาซื้อขายตู้สาขาโทรศัพท์นั้นเห็นว่า
โจทก์มิได้ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นข้อพิพาทเรื่องผิดสัญญาซื้อขายโดยตรง
สัญญาดังกล่าวเป็นแต่เพียงเหตุที่มาของการหักเงินชำระแก่จำเลยทั้งสองเท่านั้น
โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลชั้นต้น
3. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2016/2554
ป.วิ.พ. มาตรา 4(1)
จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บริษัท อ. ณ
สำนักงานตั้งอยู่ถนนสาธรใต้แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาธร กรุงเทพมหานคร
ถือว่ามูลคดีเกิดขึ้น ณ สถานที่ที่จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บริษัท อ.
ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิทำให้เกิดอำนาจฟ้อง
ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจากบริษัท
อ. จึงมีสิทธิฟ้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 4 (1)
4. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4687/2553
ป.วิ.พ. มาตรา 4(1)
ข้อตกลงจ้างเหมาแก้ไขต่อเติมบ้านที่โจทก์ทำกับจำเลยที่
1 เป็นสัญญาจ้างทำของ แม้ไม่ทำเป็นเอกสารก็สมบูรณ์หาจำต้องทำเป็นหนังสือไม่
เมื่อโจทก์ตกลงกับจำเลยที่ 1 ด้วยวาจาที่จังหวัดนครสวรรค์
สัญญาย่อมเกิดขึ้นที่จังหวัดนครสวรรค์ทั้งตามฟ้องก็ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์
โจทก์จึงต้องฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 4 (1)
5. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2221/2553
ป.วิ.พ. มาตรา 4(1), 40 วรรคหนึ่ง
การเสนอคำฟ้องนั้นสามารถกระทำได้ต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาหรือศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 4 (1) จึงเป็นสิทธิของโจทก์ที่จะเลือกฟ้องจำเลยต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาหรือศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นก็ได้
คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์อยู่ที่อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
จำเลยสั่งซื้อปุ๋ยจากโจทก์โดยมูลคดีเกิดขึ้นที่ภูมิลำเนาของโจทก์คือจังหวัดราชบุรี
จำเลยเพียงแต่ให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้สั่งซื้อปุ๋ยจากโจทก์เท่านั้น
มิได้โต้แย้งว่ามูลคดีเกิดขึ้นที่จังหวัดนครนายกอันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยหรือสถานที่อื่น
ดังนั้น จึงต้องฟังว่ามูลคดีนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดราชบุรี
โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องที่ศาลแขวงราชบุรี อันเป็นศาลที่มูลคดีเกิดขึ้น
6. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8506/2551
ป.วิ.พ. มาตรา 4
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดชำระเงินตามเช็ค
จึงต้องพิจารณาว่ามูลคดีตามฟ้องเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นศาลใด
โจทก์มีอำนาจยื่นฟ้องที่ศาลนั้นได้
เมื่อธนาคารตามเช็คซึ่งปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คตั้งอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นการที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ศาลชั้นต้นจึงชอบแล้ว
ส่วนเช็คจะมีมูลหนี้หรือไม่ ไม่เกี่ยวกับเรื่องเขตอำนาจศาล
เป็นเรื่องที่ศาลจะต้องวินิจฉัยจากพยานหลักฐานของคู่ความ
7. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5298/2551
ป.วิ.พ. มาตรา 4(1)
ป.วิ.พ. มาตรา 4 (1) บัญญัติว่า คำฟ้อง
ให้เสนอต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล หรือต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลไม่ว่าจำเลยจะมีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักรหรือไม่
คำว่า มูลคดีเกิดขึ้น หมายถึง
เหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้อง
เมื่อโจทก์อนุมัติวงเงินสินเชื่อบุคคลให้แก่จำเลย ณ ที่ทำการของโจทก์
ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลแขวงปทุมวัน ต่อมาจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์
ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
จึงเห็นได้ว่าเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิที่ทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยเกิดขึ้น
ณ ที่ทำการของโจทก์ซึ่งเป็นสถานที่อนุมัติสินเชื่อบุคคลให้แก่จำเลย
อันอยู่ในเขตอำนาจของศาลแขวงปทุมวัน ดังนั้น
โจทก์จึงมีอำนาจเสนอคำฟ้องคดีนี้ต่อศาลแขวงปทุมวันได้
ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว
การที่โจทก์ใช้โทรศัพท์แจ้งเรื่องการอนุมัติสินเชื่อบุคคลให้แก่จำเลยเป็นเพียงการอำนวยความสะดวกให้แก่จำเลยซึ่งเป็นลูกค้าเท่านั้น
หาทำให้มูลคดีที่เกิดขึ้น ณ ที่ทำการของโจทก์เปลี่ยนแปลงไปไม่
8. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5149/2551
ป.วิ.พ. มาตรา 4(1)
แม้จำเลยจะมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานคร
แต่จำเลยทำใบสั่งซื้ออันเป็นคำเสนอให้โจทก์ผลิตสินค้าไปยังภูมิลำเนาของโจทก์ที่จังหวัดสมุทรปราการ
เมื่อโจทก์ผลิตสินค้าตามคำเสนอเท่ากับโจทก์สนองรับโดยปริยาย
สัญญาจ้างทำของจึงเกิดขึ้น ณ ภูมิลำเนาของโจทก์ดังกล่าวอันเป็นมูลเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้
ถือว่ามูลคดีเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัดสมุทรปราการ
9. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3100/2551
ป.วิ.พ. มาตรา 4
คำว่า มูลคดี ตามที่บัญญัติใน ป.วิ.พ. มาตรา 4
นั้น หมายถึง
มูลเหตุซึ่งเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้เกิดอำนาจฟ้องแก่โจทก์
คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเรียกค่าสินค้าฝากขายที่จำเลยทั้งสองค้างชำระอันเนื่องจากโจทก์ตั้งให้จำเลยทั้งสองเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่โจทก์ผลิตในจังหวัดพัทลุง
โดยพนักงานของโจทก์เป็นผู้ติดต่อกับจำเลยทั้งสองที่จังหวัดพัทลุง
แม้มิได้ทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรไว้
แต่จำเลยทั้งสองก็ได้แสดงเจตนาสนองรับเป็นตัวแทนที่จังหวัดพัทลุงนั้นเอง ดังนั้น
สัญญาที่เป็นมูลเหตุให้เกิดสิทธิฟ้องร้องของโจทก์จึงเกิดขึ้นที่จังหวัดพัทลุง
ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดพัทลุง
ส่วนที่ตั้งของสำนักงานโจทก์เป็นเพียงสถานที่ที่พนักงานโจทก์ทำงานอยู่ในเวลาที่จำเลยทั้งสองโทรศัพท์มาติดต่อเพื่อให้ส่งสินค้าเท่านั้น
ซึ่งสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อส่งสินค้าไม่ใช่ติดต่อทำสัญญา
ย่อมไม่ใช่สถานที่ที่มูลคดีเกิด
การรับสภาพหนี้โดยการทำเป็นหนังสือเป็นนิติกรรมฝ่ายเดียวที่ลูกหนี้กระทำได้เองโดยสมบูรณ์
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2
ลงลายมือชื่อในหนังสือรับสภาพหนี้ที่จังหวัดพัทลุง หนังสือรับสภาพหนี้ก็มีผลโดยสมบรูณ์ทันที
ศาลแขวงดุสิตจึงไม่ใช่ศาลที่มีเขตอำนาจ
ศาลแขวงดุสิตจึงชอบที่จะพิพากษายกฟ้องเพื่อให้โจทก์นำคดีไปฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจต่อไป
10 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6459/2546
ป.พ.พ. มาตรา 69
ป.วิ.พ. มาตรา 4
สำนักงานสาขาอุดรธานีของบริษัทจำเลยที่ 3
เป็นสำนักงานสาขาของจำเลยที่ 3 แต่ไม่ปรากฏว่าสำนักงานสาขาอุดรธานีของจำเลยที่ 3
มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 2
คงได้ความเพียงว่าโจทก์ได้ไปติดต่อให้สำนักงานสาขาอุดรธานีชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เท่านั้นซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังเกิดเหตุละเมิดแล้ว
กรณียังถือไม่ได้ว่าถิ่นอันเป็นที่ตั้งของสำนักงานสาขาอุดรธานีของจำเลยที่ 3
เป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 3 ในส่วนกิจการอันได้กระทำเกี่ยวกับการประกันภัยรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่
2 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 69
โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามต่อศาลจังหวัดอุดรธานี
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4(1)