คำพิพากษาฎีกาที่น่าสนใจเรื่อง ห้ามมิให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย
มาตรา 212
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18034/2555
ป.วิ.อ. มาตรา 212
คดีนี้โจทก์อุทธรณ์ว่า
การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแต่ละกระทงเพียงปรับสถานเดียวยังคลาดเคลื่อนนั้น
เป็นการอุทธรณ์ว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ซึ่งเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย
แต่เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยโดยชัดแจ้ง การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 4 เดือน
โดยไม่ปรับนั้นย่อมถือว่าเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย ซึ่งต้องห้ามตาม ป.วิ.อ.
มาตรา 212 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499
มาตรา 4 และ พ.ร.บ.ให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด
พ.ศ.2520 มาตรา 3 จึงเป็นการพิพากษาที่ไม่ชอบและถือว่าไม่มีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค
9 ที่ให้ลงโทษจำคุกจำเลย ไม่ก่อให้เกิดสิทธิฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุก
ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7004/2554
ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง, 212, 225
ความผิดฐานผู้ใดเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นเป็นธุระจัดหา
ล่อไปหรือพาไปเพื่อการอนาจารตามมาตรา 282 วรรคสองและวรรคสาม
มีองค์ประกอบความผิดในส่วนอายุของบุคคลที่ถูกระทำแตกต่างกันจึงเป็นการกระทำโดยเจตนาให้เกิดผลต่อบุคคลที่ถูกกระทำแยกต่างหากจากกันได้
แม้ผู้เสียหายทั้งสองจะถูกกระทำความผิดในคราวเดียวกัน
แต่เป็นการกระทำต่อผู้เสียหายแต่ละคนโดยเฉพาะจึงเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ
ฉะนั้น
ที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดต่อผู้เสียหายทั้งสอง
ก็ต้องฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันด้วย มิใช่เป็นความผิดกรรมเดียว
ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา
225 แต่เนื่องจากโจทก์มิได้อุทธรณ์และฎีกาให้ลงโทษจำเลยหลายกรรม
ศาลฎีกาไม่อาจแก้ไขเรื่องโทษได้เพราะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย
ศาลล่างทั้งสองฟังว่าจำเลยเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด แต่มิได้ปรับบทตาม ป.อ.
มาตรา 86 ด้วย จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15590/2553
ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสาม, 212, 225, 227/1
แม้การกระทำของจำเลยกับ อ.
จะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์โดยมีเหตุฉกรรจ์ตามฟ้องโจทก์ และโจทก์ไม่ได้ฎีกา
แต่โดยที่ความผิดฐานรับของโจรที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาลงโทษจำเลยมา
กับความผิดฐานลักทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้อง ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสาม
บัญญัติมิให้ถือว่าเป็นข้อแตกต่างที่เป็นสาระสำคัญ ดังนั้น
ศาลฎีกาจึงมีอำนาจแก้ไขบทลงโทษจำเลยในความผิดตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาเสียให้ถูกต้องได้ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว
แต่ศาลฎีกาไม่อาจกำหนดโทษจำเลยให้สูงกว่าโทษที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามา
เพราะจะเป็นการพิจารณาเพิ่มเติมโทษจำเลย ซึ่งต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212
ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2553
ป.วิ.อ. มาตรา 192, 195,
212, 225
ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 336
จะต้องเป็นการลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ผ. ทำทีเป็นพูดโทรศัพท์เคลื่อนที่
และเอาโทรศัพท์ไปในขณะที่ผู้เสียหายให้บริการลูกค้าคนอื่นอยู่
เป็นการเอาไปในขณะเผลอ มิใช่เป็นการฉกฉวยทรัพย์ไปโดยซึ่งหน้าแต่ประการใด การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
เมื่อเหตุเกิดในเวลากลางคืนและร่วมกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป เป็นความผิดตาม
ป.อ. มาตรา 335 (1) และ 335 (7) ต้องรับโทษตาม ป.อ. มาตรา 335 วรรคสอง
ซึ่งมีโทษหนักกว่าความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ตามมาตรา 336 วรรคหนึ่ง
ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192
แต่จะพิพากษาลงโทษจำเลยหนักขึ้นไม่ได้ เพราะเป็นการเพิ่มเติมโทษต้องห้ามตาม
ป.วิ.อ. มาตรา 212
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8214/2551
ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย, 195 วรรคสอง, 212, 215,
225
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์ของผู้ตายและร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนรวมมาในฟ้องข้อเดียวกัน
เมื่อจำเลยลักโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ตายอันเป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้ว
จำเลยกับพวกจึงร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนอันเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งแยกต่างหากจากกัน
ดังนี้
ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามที่พิจารณาได้ความได้ตาม
ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า
ความผิดฐานลักทรัพย์และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
ให้ลงโทษฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม
ป.อ. มาตรา 90 ให้ประหารชีวิตนั้นจึงไม่ถูกต้อง
ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขปรับบทให้ถูกต้องได้ตาม
ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225
แต่ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์อีกกระทงหนึ่งได้
เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7942/2551
ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง, 212, 225
จำเลยกับพวกร่วมกันลักทรัพย์เครื่องยนต์ซึ่งติดตั้งอยู่บนรถไถนาอันเป็นเครื่องกลของผู้เสียหายที่มีอาชีพกสิกรรมมีไว้สำหรับประกอบกสิกรรมทำนาในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ
เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 335 (1) (7) (8) (12) วรรคสาม ประกอบมาตรา 336 ทวิ,
83 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 335
(1) (8) (10) วรรคสอง ประกอบมาตรา 336 ทวิ จึงเป็นการปรับบทกฎหมายไม่ถูกต้อง
ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
แม้โจทก์ไม่ฎีกาศาลฎีกามีอำนาจปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้โดยไม่เพิ่มเติมโทษจำเลยตาม
ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง, 212 ประกอบมาตรา 225