การนำสืบพยานเอกสาร มาตรา
94
1.
กรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงจะนำสืบพยานบุคคลแก้ไขข้อความในเอกสารไม่ได้ตาม
94(ข)
1.1 สัญญากู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11760/2554
ป.วิ.พ. มาตรา 94
โจทก์กับ อ. ต่างลงลายมือชื่อในสัญญากู้คนละฉบับ
แต่สัญญากู้ทั้งสองฉบับไม่มีข้อความแสดงว่า โจทก์กับ อ. ร่วมกันกู้ยืมเงินจากจำเลย
ที่จำเลยนำสืบว่า สัญญากู้ทั้งสองฉบับเป็นการที่โจทก์กับ อ.
ร่วมกันกู้ยืมเงินจากจำเลย ส่งผลให้โจทก์ต้องร่วมรับผิดกับ อ.
เป็นการนำสืบพยานบุคคลเพิ่มเติมพยานเอกสาร ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 (ข)
ข้อสังเกต เรื่องการกู้ยืม หากจำเลต่อสู้ว่า สัญญากู้ปลอมหรือยังไม่ได้รับเงินซ฿่งเป็นการอ้างว่าสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ กรณีนี้นำสืบพยานบุคคลได้ตาม 94
วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13825/2553
ป.พ.พ. มาตรา 650, 653
วรรคสอง
ป.วิ.พ. มาตรา 94
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้ยืมเงินจากโจทก์เมื่อวันที่
18 มีนาคม 2542 และจำเลยได้รับเงินกู้ยืมไปครบถ้วนแล้ว
จำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยกู้ยืมเงินจากโจทก์และไม่เคยได้รับเงินไปจากโจทก์
จำเลยทำสัญญาจำนองที่ดินเพื่อประกันการทำสัญญานายหน้าจัดส่งคนงานไปทำงานที่ไต้หวัน
เท่ากับจำเลยให้การว่าสัญญากู้ยืมเงินตามคำฟ้องซึ่งเป็นการยืมใช้สิ้นเปลืองไม่สมบูรณ์
เพราะไม่มีการส่งมอบทรัพย์สินที่ยืมตาม ป.พ.พ. มาตรา 650
จำเลยจึงไม่ต้องห้ามมิให้นำสืบพยานบุคคลว่าสัญญากู้ยืมเงินตามคำฟ้องไม่สมบูรณ์ตาม
ป.วิ.พ. มาตรา 94
ที่จำเลยให้การและนำสืบพยานบุคคลว่าสัญญาจำนองดังกล่าวเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญานายหน้าส่งคนไปทำงานที่ดินแดนไต้หวันและจำเลยได้ชำระหนี้หมดแล้วนั้น
ก็เป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งมูลหนี้จำนอง
หาใช่การนำสืบพยานบุคคลแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารอันจะต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94
ไม่ และการนำสืบพยานบุคคลว่าจำเลยได้ชำระหนี้ตามสัญญานายหน้าส่งคนไปทำงานที่ต่างประเทศก็มิใช่การนำสืบถึงการใช้เงินกู้ยืมที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับมาตรา 653 วรรคสอง
1.2
สัญญาจะซื้อจะขายที่ทำเป็นหนังสือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2555
ป.พ.พ. มาตรา 456
ป.วิ.พ. มาตรา 94
การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม
ป.พ.พ. มาตรา 456 วรรคแรก เป็นกรณีที่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีเอกสารมาแสดง
เมื่อหนังสือสัญญาขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างระบุว่า โจทก์ทั้งสองได้ชำระราคาและจำเลยทั้งสองได้รับเงินค่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ซื้อขายเรียบร้อยแล้ว
ก็ต้องฟังยุติตามนั้น การที่จำเลยทั้งสองนำพยานบุคคลมาสืบว่า
ยังไม่ได้รับชำระค่าที่ดินครบถ้วน
เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 (ข)
ข้อสังเกต
หากสัญญาซื้อขายนั้นสมบูรณ์ในแบบการวางมัดจำ กรณีนี้นำสืบพยานบุคคลได้ เพราะมิใช่กรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง
1.3 สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4694/2553
ป.วิ.พ. มาตรา 84 เดิม, 142,
94
จำเลยให้การและนำสืบพยานบุคคลว่าเหตุที่ต้องทำสัญญาเช่าห้องแถวพิพาทกับโจทก์เนื่องมาจากไม่สามารถทำสัญญาโอนสิทธิการเช่าได้
เพราะที่ดินเป็นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นการนำสืบพยานบุคคลเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารต้องห้ามมิให้รับฟังตามป.วิ.พ.
มาตรา 94 (ข)
1.4 ขายฝาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1510/2552
ป.พ.พ. มาตรา 456 วรรคหนึ่ง, 491
ป.วิ.พ. มาตรา 94 วรรคหนึ่ง (ข), 142(5)
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 491 บัญญัติว่า สัญญาขายฝากคือสัญญาซื้อขายซึ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตกไปยังผู้ซื้อโดยมีข้อความตกลงว่าผู้ขายอาจไถ่ทรัพย์คืนได้ซึ่งตามมาตรา
456 วรรคหนึ่ง ได้บัญญัติไว้ว่า การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ
การขายฝากที่ดินจึงเป็นกรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง
การฟังพยานหลักฐานต้องอยู่ในบังคับของ ป.วิ.พ. มาตรา 94 วรรคหนึ่ง (ข) คือ
ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานบุคคลในกรณีขอสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารนั้น
เมื่อตามหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินระบุว่าผู้ขายฝากได้รับเงินจากผู้ซื้อฝากครบถ้วนแล้ว
การนำพยานบุคคลมาสืบว่ายังได้รับเงินไม่ครบ
ย่อมเป็นการต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าวซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5)
2.
กรณีที่ไม่มีกฎหมายบังคับหม้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง กรณีนี้ไม่อยู่ในบังคับมาตรา 94
นำสืบพยานบุคคลได้
2.1 นำสืบเรื่องตัวการตัวแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2303/2553
ป.พ.พ. มาตรา 806
ป.วิ.พ. มาตรา 94, 249
จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินกับโจทก์ การที่จำเลยนำสืบว่า
จำเลยทำสัญญาดังกล่าวในฐานะเป็นตัวแทนของจำเลยร่วมซึ่งเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
จึงเป็นเพียงนำสืบความจริงว่าจำเลยร่วมเป็นตัวการเพื่อให้จำเลยร่วมเข้ามารับผิดตามสัญญาแทนจำเลยเท่านั้น
มิใช่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญาเช่าที่ดินอันต้องห้ามตาม ป.วิ.พ.
มาตรา 94
2.2
นำสืบว่าที่ดินเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือที่ดินเป็นของผู้ใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9176/2552
ประเด็นข้อพิพาทที่ว่าที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์หรือไม่มิใช่กรณีที่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงอันจะต้องห้ามมิให้นำพยานบุคคลมาสืบแทนพยานเอกสารซึ่งเป็นระวางรูปแผนที่ทางอากาศตาม
ป.วิ.พ. มาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9765/2552
ป.วิ.พ. มาตรา 94
ปัญหาว่าที่ดินเป็นของผู้ใด
ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง
โจทก์จึงสามารถนำสืบได้ว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินและสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารทะเบียนการครอบครองที่ดินได้
2.3 สัญญาจ้างทำของ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6866/2552
ป.วิ.พ. มาตรา 94(ข), 143
วรรคหนึ่ง
หนังสือสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างที่จำเลยว่าจ้างโจทก์ก่อสร้างอาคารนั้น
เป็นสัญญาจ้างทำของซึ่งกฎหมายมิได้บังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง ฉะนั้น โจทก์จึงสามารถนำสืบพยานบุคคลว่าจำเลยตกลงยินยอมให้โจทก์ก่อสร้างเพิ่มเติมผิดไปจากแบบแปลนที่ตกลงกันไว้เดิมได้
ไม่ต้องห้ามนำพยานบุคคลมาสืบเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสารนั้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94
(ข)
2.4 การฟ้องเพิกถอนนิติกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5027/2552
ป.วิ.พ. มาตรา 94
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินที่ดินพร้อมทาวน์เฮาส์ตามสัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยที่
1 และที่ 2 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 237 และให้จำเลยที่ 1
จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อจะขายระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 การที่จำเลยทั้งสองนำสืบว่า
จำเลยที่ 2 ชำระราคาทรัพย์พิพาทที่ซื้อจากจำเลยที่ 1
ต่างไปจากราคาที่ระบุไว้ในหนังสือสัญญาซื้อขายเป็นการนำสืบถึงข้อความจริงว่าจำเลยที่
2 ซื้อทรัพย์พิพาทจากจำเลยที่ 1 มาในราคาเท่าใด
มิใช่เป็นการนำสืบเพื่อให้บังคับตามหนังสือสัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยที่ 1 และที่ 2
จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 (ข)
3.
กรณีนำสืบพยานบุคคลตาม 94 วรรคท้าย
3.1
นำสืบว่าต้นฉบับเอกสารนำมาไม่ได้ตาม
93(2)
3.2
นำสืบว่าเป็นเอกสารปลอมทั้งหมดหรือบางส่วน
3.3
นำสืบว่าสัญญาหรือหนี้อย่างอื่นที่ระบุไว้ในเอกสารไม่สมบูรณ์ ฎ.13825/2553
3.4
นำสืบสัญญานั้นคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตีความหมายผิด