1.
ให้ตอบตัวผู้ลงมือกระทำความผิดเป็นอันดับแรกว่าการกระทำของผู้นั้นเป็นความผิดหรือไม่ และการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำโดยพลาดไหม สำคัญผิดในตัวบุคคลไหม
การกระทำนั้นเป็นการกระทำโดยจำเป็นหรือป้องกันหรือบบันดาลโทสะไหม
2. หากมีผู้กระทำความผิดหลายคน ก็ให้ตอบว่าผู้ที่ร่วมกระทำความผิดว่า เป็นตัวการ
เป็นผู้ใช้
หรือเป็นผู้สนับสนุนหรือไหม
รูปแบบการตอบ
ย่อหน้าที่
1 ให้ตอบ (ผู้ลงมือกระทำความผิด).....................
ย่อหน้าที่
2 (ตัวการ).............................................
ย่อหน้าที่ 3 (ผู้ใช้).................................................
ย่อหน้าที่ 4 (ผู้สนับสนุน)......................................
ตัวอย่างคำถาม
ธงรบจ้างกล้าหาญไปฆ่าสุเทพ กล้าหาญตกลงแต่กล้าหาญไม่มีอาวุธปืน
พอดีพบรักมาหาธงรบเพื่อปรึกษาเรื่องที่ตนอยากให้สุเทพตาย ธงรบจึงบอกพบรักว่ากล้าหาญกำลังจะไปฆ่าสุเทพ แต่กล้าหาญไม่มีอาวุธปืน
พบรักเสนอให้ยืมอาวุธปืนของตนให้ธงรบนำไปให้กล้าหาญ กล้าหาญได้รับอาวุธปืนจากธงรบโดยไม่ทราบว่าเป็นอาวุธปืนของพบรัก กล้าหาญได้ไปดักยิงสุเทพ
ขณะที่กล้าหาญนำอาวุธปืนมาตรวจดูความเรียบร้อย ปักษาเดินผ่านมาเห็นกล้าหาญ และทราบความประสงค์ของกล้าหาญ ปักษาจึงรับอาสาคอยดูต้นทางให้ ปักษาเห็นนาวีเดินมาเข้าใจว่าเป็นสุเทพ จึงให้สัญญาณแก่กล้าหาญ
กล้าหาญยิงไปที่นาวีโดยเข้าใจว่าเป็นสุเทพคนที่ตนจะฆ่า กระสุนปืนถูกนาวีตาย แล้วยังเลยไปถูกเฉลิมตายด้วย
ดังนี้ กล้าหาญ
ธงรบ พบรัก และปักษาต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่
เพราะเหตุใด
(ข้อสอบมหาวิทยาลัยรามคำแหง อาญาภาค 1)
ตอบตามรูปแบบได้ดังนี้
1. (ให้ตอบกล้าหาญผู้ลงมือกระทำความผิด)
กรณีตามปัญหา การที่กล้าหาญใช้ปืนยิงนาวีนั้น ถือเป็นการกระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ
และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลของการกระทำ คือ
ความตายของผู้ที่ตนยิง
ดังนั้น
การกระทำของกล้าหาญจึงเป็นการกระทำโดยเจตนาตามมาตรา 59
วรรคสอง ซึ่งกรณีนี้กล้าหาญจะยกเอาความสำนึกผิดมาเป็นข้อแก้ตัวว่าไม่มีเจตนากระทำต่อนาวีไม่ได้ตามมาตรา 61
กล้าหาญจึงต้องรับผิดทางอาญาต่อนาวีฐานกระทำโดยเจตนาเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามมาตรา 59
วรรคแรก
และการที่กระสุนปืนยังได้เลยไปถูกเฉลิมตายด้วยนั้น ถือเป็นกรณีที่กล้าหาญเจตนาจะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง
แต่ผลของการกระทำไปเกิดอีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไป ถือว่ากล้าหาญกระทำโดยเจตนาต่อบุคคลที่ได้รับผลร้ายจากการกระทำนั้น ดังนั้น
กล้าหาญจึงต้องรับผิดทางอาญาต่อเฉลิมเพราะได้กระทำต่อเฉลิมโดยเจตนาพลาดไปตามมาตรา 60
2. (ตอบปักษา ตัวการ)
ความรับผิดของปักษา
การที่ปักษาทราบความประสงค์ของกล้าหาญผู้กระทำผิด จึงรับอาสาคอยดูต้นทางให้นั้น ถือว่าปักษามีเจตนาร่วมกระทำผิดและได้กระทำความผิดร่วมกันกับกล้าหาญผู้ลงมือกระทำความผิดแล้ว ปักษาจึงต้องรับผิดฐานเป็นตัวการตามมาตรา 83
3. (ตอบธงรบ ผู้ใช้)
ความรับผิดของธงรบ
การที่ธงรบว่าจ้างกล้าหาญให้ไปฆ่าสุเทพนั้น ถือเป็นการ
“ก่อ”
ให้ผู้อื่นกระทำความผิด
ธงรบ จึงต้องรับผิดฐานเป็นผู้ใช้ตามมาตรา
84 วรรคแรก เมื่อความผิดที่ใช้ได้กระทำลง แม้จะเป็นการยิงผิดตัว ธงรบผู้ใช้จึงต้องรับโทษเสมือนตัวการตามมาตรา 84
วรรคสอง
แต่ไม่ต้องรับผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา 86 ในกรณีที่นำอาวุธปืนไปให้กล้าหาญอีก เพราะการเป็น
“ผู้ใช้”
ได้เกลื่อนกลืนการเป็น
“ผู้สนับสนุน” แล้ว
4. (ตอบพบรัก ผู้สนับสนุน)
ความรับผิดของพบรัก
การที่พบรักทราบว่ากล้าหาญกำลังจะไปฆ่าสุเทพ
จึงนำอาวุธปืนของตนฝากธงรบเพื่อนำไปให้กล้าหาญยืมนั้น ถือเป็นการให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด ก่อนหรือขณะกระทำความผิด แม้ว่ากล้าหาญผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกของพบรักก็ตาม ดังนั้น
พบรักจึงต้องรับผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา 86
ดังนั้น
กล้าหาญต้องรับผิดทางอาญาที่ได้กระทำต่อนาวีโดยเจตนาตามมาตรา 59
วรรคแรก
และรับผิดทางอาญาที่ได้กระทำต่อเฉลิมโดยเจตนาพลาดไปตามมาตรา 60
-
ปักษาต้องรับผิดทางอาญาฐานเป็นตัวการตามมาตรา
83
-
ธงรบต้องรับผิดทางอาญาฐานเป็นผู้ใช้ตามมาตรา
84 วรรคแรก และต้องรับโทษเสมือนตัวการตามมาตรา 84
วรรคสอง
-
พบรักต้องรับผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา 86
ตัวอย่างคำถาม
นางสายจ้างนายบ่ายไปฆ่านายเช้าสามีเพราะนายเช้าไปอยู่กินกับหญิงอื่น
นางเย็นน้องสาวนางสาย
ให้นายบ่ายยืมอาวุธปืนไปใช้ยิงนายเช้า
นายบ่ายไปดักยิงนายเช้า เมื่อนายเช้าเดินผ่านมา นายบ่ายชักอาวุธปืน
ออกจากเอวเพื่อจะยิง
แต่นายบ่ายเห็นว่านายเช้าแก่มากแล้วจึงเกิดความสงสารและเปลี่ยนใจไม่ยิง
ให้วินิจฉัยว่า
นางสาย นายบ่ายและนางเย็นมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใด หรือไม่
(ข้อสอบเนติบัณฑิต)
ธงคำตอบ
1. (ตอบนายบ่าย ผู้ลงมือกระทำความผิด)
นายบ่ายพาอาวุธปืนไปดักยิงนายเช้า
เมื่อเห็นนายเช้าเดินผ่านมา นายบ่ายเพียงแต่ชักอาวุธปืนออกจากเอวเพื่อจะยิง แต่ยังไม่ได้เล็งปืนไปที่นายเช้า
การกระทำของนายบ่ายยังอยู่ในขั้นตระเตรียม ไม่ถึงขั้นลงมือกระทำความผิดฐานฆ่านายเช้า (คำพิพากษาฎีกาที่
1647/2512) นายบ่ายจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า และการที่นายบ่ายเปลี่ยนใจไม่ยิงนายเช้าเพราะความสงสารไม่เป็นการยับยั้งเสียเองตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 82เพราะการยับยั้งเสียเองจะเกิดมีได้เฉพาะเมื่อนายบ่ายได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว
แต่กระทำไปไม่ตลอดเท่านั้น
2. (ตอบนางสาย
ผู้ใช้)
นางสายจ้างนายบ่ายไปฆ่านายเช้าเป็นการก่อให้นายบ่ายกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยการจ้าง
จึงมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้นายบ่ายกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามมาตรา289 (4) ประกอบมาตรา 84 วรรคแรก
แต่การกระทำของนายบ่ายยังอยู่ในขั้นตระเตรียมการเพื่อฆ่านายเช้าถือว่านายบ่ายยังไม่ได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ใช้
นางสายจึงต้องรับโทษเพียง 1 ใน 3 ของโทษที่บัญญัติไว้ในมาตรา 289 (4) ตามมาตรา 84 วรรคสอง
3. (ตอบนางเย็น
ผู้สนับสนุน)
นางเย็นแม้จะให้นายบ่ายยืมอาวุธปืนไปใช้ยิงนายเช้า
อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่นายบ่ายที่จะกระทำความผิดก่อนการกระทำความผิดก็ตาม
แต่นางเย็นก็ไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา 86 สำหรับความผิดตามมาตรา 289 (4)
เพราะการที่จะมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา 86 ได้จะต้องเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด
ซึ่งผู้ลงมือกระทำความผิดจะต้องกระทำการถึงขั้นลงมือกระทำความผิดแล้วเท่านั้น
เมื่อนายบ่ายกระทำการเพียงขั้นตระเตรียมการ ยังไม่ถึงขั้นลงมือกระทำความผิดฐานฆ่านายเช้า การกระทำของนายบ่ายยังไม่เป็นความผิด
นางเย็นจึงไม่เป็นผู้สนับสนุน